ช่วยอธิบายคำกล่าวของศาสดาอิสลามที่ว่า “มนุษย์จะไม่ถือว่ามีศรัทธาจนกว่าจะเชื่อในเรื่องของชะตา” ให้หน่อยได้ไหมคะ

รายละเอียดคำถาม

“มนุษย์จะไม่ถือว่ามีศรัทธา จนกว่าจะเชื่อมั่นในชะตาชีวิต ทั้งในส่วนที่เป็นสิ่งดีและสิ่งร้าย และรู้ว่าตนเองจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น (ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีหรือสิ่งร้าย) และจะไม่สามารถคว้าจับสิ่งที่กำลังจะหลีกเลี่ยงได้”

– ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมคะว่าเราควรตีความฮาดิสนี้อย่างไร?

คำตอบ

พี่น้องที่รักของเรา


“มนุษย์จะไม่สามารถเชื่อมั่นในชะตาได้ จนกว่าเขาจะเชื่อว่าชะตาเป็นสิ่งที่ดีและเป็นสิ่งที่ไม่ดี”

(ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี)

“เขาจะไม่ถือว่ามีศรัทธา จนกว่าจะรู้ว่าสิ่งหนึ่งที่ถูกยิงเข้าเป้าหมายนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะพลาดเป้าหมาย และสิ่งหนึ่งที่พลาดเป้าหมายนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกยิงเข้าเป้าหมายโดยบังเอิญ”


(ติรมีซี, กะดะร, 10)


ผู้ที่ศรัทธาในพระอัลเลาะห์ย่อมศรัทธาในเรื่องของกะดะร (ชะตากรรม) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระอัลเลาะห์อย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ การเชื่อในกะพรวนฟ้าจึงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขของศรัทธา

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งดีหรือสิ่งร้าย การเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยพระเจ้า เป็นผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการเชื่อในหลักการ Tawhid (หลักการเอกภาพของพระเจ้า) เพราะการมีส่วนร่วมของมืออื่นในการสร้างสรรค์นั่นหมายถึงการนับว่ามีพระเจ้าหลายองค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระคัมภีร์กุรอานปฏิเสธ


“อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษผู้ที่นับถือสิ่งอื่นเป็นคู่มิตรกับพระองค์อย่างเด็ดขาด”


(อัฏฏะนีสาอ์, 4/48)

ดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ความเชื่อนี้ไม่ได้ทำให้มนุษย์สูญเสียอิสระเจตจำนงและความรับผิดชอบในเรื่องของการทดลอง เพราะมนุษย์ –

ซึ่งไม่มีพลังในการสร้างสรรค์อยู่แล้ว

ได้รับสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่ไม่ดีด้วยเจตจำนงอิสระของตนเอง

(เคสป์)

ถ้าใครปรารถนา พระเจ้าก็จะทรงสร้างสิ่งนั้นให้ แต่ความรับผิดชอบก็ตกเป็นของผู้ที่ปรารถนาสิ่งนั้นนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น คนที่ต้องการอดอาหารเป็นคนนั้น แต่สิ่งที่ทำให้เขามีพลังในการอดอาหารได้นั้นคือพระเจ้า และคนนั้นจะได้รับรางวัลจากการกระทำนั้น

อีกครั้งที่มนุษย์คนหนึ่งปรารถนาจะฆ่าคน และกระทำการตามความปรารถนานั้น –

ขอพระเจ้าคุ้มครอง

ถ้าคนๆหนึ่งยิงใครสักคนและคนนั้นตาย คนๆนั้นก็ต้องรับผิดชอบ แน่นอนว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างความตาย แต่คนที่เป็นฆาตกรนั้นจะได้รับโทษกรรมเพราะเขาเป็นคนใช้สิทธิ์เสรีของตนเองในการกระทำฆาตกรรมนั้น


เราสามารถทำความเข้าใจประโยคที่สองของฮาดิสได้ดังนี้:

เมื่อมีโชคร้ายเกิดขึ้นกับเรา เราต้องเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นกับเรา และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะพลาดเป้าหมายและไม่เกิดขึ้นกับเราโดยบังเอิญ


“ไม่มีภัยพิบัติใด ๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกและตกเป็นของท่าน ที่เราไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งก่อนที่เราจะสร้างมันขึ้นมา”

(ในแผ่นหินที่ได้รับการคุ้มครอง)

มิได้ถูกบันทึกไว้แล้ว แท้จริงแล้วสิ่งนี้เป็นเรื่องง่ายสำหรับอัลลอฮฺ”


(ฮาดีด, 57/22)

ข้อพระคัมภีร์ที่แปลความหมายได้เช่นเดียวกันก็แสดงถึงความจริงข้อเดียวกันนี้

ความเชื่อนี้ยังช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมาน และช่วยให้ผู้ประสบภัยไม่ต้องเผชิญกับความทุกข์ที่ไม่มีความจำเป็น

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ ถ้าเราทำอย่างนั้น เราอาจจะไม่เจอเรื่องแบบนี้”

เป็นสูตรที่ช่วยยุติการคร่ำครวญซึ่งยิ่งทำให้ความเศร้าใจทวีความรุนแรงขึ้น

ดังนั้นจึงมี hadis-i şerif (คำกล่าวของศาสดาอิสลาม) ดังนี้

“ความเชื่อในชะตาชีวิตจะช่วยบรรเทาความเศร้าและความโศก”


(เคนซู อัล-อุมมัล, หมายเลขประจำตัว: 481)

ได้ถูกกล่าวไว้ดังนี้ ดังนั้น

“ผู้ที่เชื่อในชะตากรรมจะพ้นจากความทุกข์”


ประโยคสุดท้ายของฮาดิสคือ

เมื่อโชคชะตาเอื้ออำนวยให้เรา

“เราได้สิ่งนี้มาด้วยความรู้และทักษะของเราเอง เราใช้สมองของเราจึงได้สิ่งนี้มา”

หรือเมื่อรอดพ้นจากอุบัติเหตุมาได้อย่างหวุดหวิด

“ฉันได้เตรียมตัวไว้แล้ว ฉันรอดพ้นจากความเสียหายนี้ได้เพราะฉันได้ทำอย่างนี้อย่างนั้น”

หรืออย่างเช่นตัวอย่างที่อัลกุรอานยกมา คือ คารูน

“ฉันสร้างความมั่งคั่งนี้ขึ้นด้วยสติปัญญาและความรู้ของฉันเอง”




(ดูที่ คาซัส 28/78)

มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันความหยิ่งทะนงตนที่เกิดจากการถูกเอาใจตามใจในรูปแบบดังกล่าว


หมายเหตุ:

ที่เว็บไซต์ของเรา


“คำตอบเกี่ยวกับชะตากรรม”


เราขอแนะนำให้คุณอ่านด้วยเช่นกัน


ด้วยความรักและคำอวยพร…

ศาสนาอิสลามผ่านคำถามและคำตอบ

คำถามล่าสุด

คำถามของวัน