พี่น้องที่รักของเรา
การมีเพศสัมพันธ์ การจูบ หรือการแสดงความรักทางกายภาพกับแฟนสาวหรือคู่หมั้นของคุณก่อนแต่งงานนั้นเป็นบาป
การแตะต้องหรือจับมือกับผู้หญิงที่ไม่ใช่ญาติมิตรนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างแน่นอน ผู้หญิงที่ให้คำมั่นสัญญาต่อศาสดา (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าวว่า:
“โอ้ศาสดาของพระอัลเลาะห์ ท่านไม่ได้จับมือเราขณะที่เราให้คำมั่นสัตย์”
ศาสดา (สลาม)
“(ผม) ไม่จับมือสตรีเพื่อทักทาย”
ได้โปรด
(นัสเซอี, บีญาต, 18; อิบน์ มัจญะ, จิฮาด: 43)
ท่านอายิชา (ร่อ) กล่าวถึงการให้คำมั่นสัญญาว่า:
“ฉันสาบานต่อพระเจ้าว่ามือของศาสดาไม่ได้สัมผัสกับมือของผู้หญิงเลย ท่านรับคำปฏิญาณจากพวกเธอด้วยคำพูดเท่านั้น”
(บุฮารี, อัฮกาม, 49; อิบน์ มัจญะ, จิฮาด, 43)
ศาสดา (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) ได้ตรัสไว้ในฮะดิษที่ศักดิ์สิทธิ์ว่า:
“การถูกเข็มทิ่มหัวยังดีกว่าการแตะต้องผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นมุลสมทา (ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎศาสนา) ของตน”
(รายงานโดยตะบะรอนี ดู มัจมาอัซ-ซะวาอิด 4/326, หมายเลข 7718)
ศาสนาอิสลามไม่ได้ดูหมิ่นสตรีด้วยการห้ามการสบตาหรือการสัมผัสกับสตรี แต่เป็นการปกป้องศักดิ์ศรีของสตรี และป้องกันไม่ให้บุคคลที่มีเจตนาไม่ดีเอื้อมมือมาด้วยความโลภทางเพศ
อย่างที่พวกเราทุกคนรู้กัน การคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งและการหมั้นหมายนั้น ไม่ได้หมายความว่าเป็นการแต่งงานแล้ว ดังนั้น การที่คนคนหนึ่งไปเที่ยวไปไหนมาไหนกับคนรักที่ยังไม่ได้แต่งงานด้วย และการอยู่ด้วยกันสองคนนั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาดและเป็นบาปมหันต์ (คำกล่าวของศาสดาโมฮัมหมัด)
“ถ้ามีใครอยู่คนเดียวกับผู้หญิงคนหนึ่ง คนที่สามที่นั่นก็คือปีศาจอย่างแน่นอน”
(ติร์มิซี, ราดา’ 16)
ได้ตรัสไว้แล้วว่า คู่หมั้นหลายคน เมื่อได้อยู่ตามลำพังในที่ลับตา มักเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์และไม่ถูกต้องตามกฎหมายขึ้น และสุดท้ายแล้วการหมั้นก็เลิกกันด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิ่งที่เหลืออยู่คือบาปและความไม่ซื่อสัตย์ ดังนั้น ผู้ที่คำนึงถึงศาสนา โลก และศักดิ์ศรีของตนเอง ควรระมัดระวังต่อสิ่งเหล่านี้ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ด้วยความรักและคำอวยพร…
ศาสนาอิสลามผ่านคำถามและคำตอบ